Published on

In the Apple Land : ณ ดินแดนแห่งแอปเปิล (WWDC23)

Authors
  • Name
    Swift Coding Club TH
    Twitter

เช้าวันหนึ่ง ริมถนน N Tantau Ave เสียงปรบมือดังขึ้น สอดประสานกับเสียงกู่ร้องดังกึกก้องของผู้คนมากมายด้วยความยินดีว่า “ดั๊บ ดั๊บ!! ดีซี!!” เป็นประหนึ่งสัญญาณที่บอกว่างาน WWDC2023 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

Introduction

เกริ่นมาซะเนิ่นนาน พรรณนาโวหารมาเต็ม ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนว่าเราชื่อ ภูริภัทร (น็อต) เป็น Swift Student Challenge Winner 2022 และมีโอกาสได้เข้าร่วมงาน WWDC2023 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง เอ๊ะ แล้วงาน WWDC หรือ “ดั๊บดั๊บดีซี” นี่คืออะไรกันล่ะ ถ้าเป็นสาวก Apple อยู่แล้วเราเชื่อว่าน่าจะไม่ต้องอธิบายมาก แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ก็ต้องบอกว่ามันเป็นงานเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล้ำ ๆ ที่ Apple เขาจะเอามาป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ และเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวให้ทุกคนได้ใช้ โดยงานในปีนี้จะจัดขึ้นที่ Apple Park (Cupertino, California, USA) พร้อมกับถ่ายทอดสดไปทั่วทุกมุมโลก

ภาพจาก Netflix

แน่นอนว่ารายละเอียดของงานในปีนี้ก็คงจะมีคนพูดถึงกันเยอะแล้ว อย่างที่ฮือฮามากเลยก็คือการเปิดตัวของแว่นอเนกประสงค์เจ๊ไฝ ประตูผี เอ้ยไม่ใช่! มันคือ VisionPro ต่างหาก ทว่า หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า ถ้าได้ไปอยู่ ณ จุดนั้นจริง ๆ เราจะสัมผัสกับอะไรบ้างนอกเหนือจากใน LIVE ดังนั้น ในฐานะที่เรามีโอกาสได้เข้าร่วมงานนี้ที่ Apple Park จึงอยากจะเล่าประสบการณ์ 1 วันเต็มว่ามันจะสนุก ตื่นเต้น เจอกับอะไรบ้าง ถ้าอยากรู้แล้วก็มาฟังกันเลออออ



Preparation

ทุกคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานจะต้องมาเข้าแถวต่อคิวเพื่อรอเข้างานอยู่บริเวณถนน N Tantau Ave ซึ่งอยู่ระหว่าง Apple Park (สถานที่จัดงาน รวมทั้งเป็น Apple Headquarter) และ Apple Park Visitor Center นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานที่มาในฐานะของ Swift Student Challenge Winner ก็จะใส่เสื้อที่ระลึกที่ได้รับมาในแต่ละปี อันนี้สนุกมากคือแบบเราก็จะเดาได้ว่า อุ้ย! คนนี้ได้ปีเดียวกับฉัน คนที่ได้ปีเดียวกันก็จะเข้ามาทักทายพูดคุยกัน อารมณ์แบบใส่ชุดครุยวิทยฐานะ บางคนก็เอา Pin มาติดไว้ที่เสื้อเหมือนประดับยศ 555

บรรยากาศในช่วงเวลานี้จะมีความโกลาหลในระดับหนึ่ง เพราะ คนเยอะมากกกก ต่างคนต่างคุยกัน มีทั้งอังกฤษ จีน เกาหลี ปะปนกันไป มีคนต่างชาติเข้ามาทักทายพูดคุยกันบ้างประปราย และจะมีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ที่คอยมา Entertain ให้ทุกคนมี Engagement ร่วมกัน โดยการตะโกนคำว่า “ดั๊บดั๊บ” แล้วทุกคนก็จะขานรับพร้อมกันว่า “ดีซี” ถือว่าเป็น Signature หนึ่งของงานเลยก็ว่าได้



Love at First Sight

จากนั้นเขาก็พาข้ามถนนเข้ามาใน Apple Park โอ้โห พอได้เข้าไปละแบบมันสวยมาก ต้นไม้เอยอะไรเอยงดงามมาก นอกจากนี้ ยังมีคุณลุงที่หน้าคล้าย Steve Jobs มายืนต้อนรับบริเวณจุดตรวจสัมภาระอีก (ลืมถ่ายรูปมา) เมื่อผ่านการตรวจเรียบร้อย เราก็จะพบกับความมหึมาอลังการดาวล้านดวงของวงแหวนใหญ่ (ขอบัญญัติศัพท์ว่า วงแหวนแห่งห้วงนิรันดร์) ซึ่งเป็น Office ของ Apple อารมณ์ในตอนนี้คือมันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ คือเราเคยเห็นแต่ในภาพใช่ไหม พอมาเจอของจริงละขนแขนลุกไปหมด สวย ยิ่งใหญ่



Breakfast and Special Moment

เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าเวทีของงาน WWDC2023 ก็จะพบกับจอขนาดยักษ์สำหรับฉาย Presentation ต่าง ๆ โดยที่นั่งของแขกจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ คือ โซน Developer และ โซนสื่อมวลชน แน่นอนว่าเรามาในฐานะ Dev ดังนั้น เราก็จะนั่งแบบ Meet and Greet นอกจากนี้ ถ้าเป็นคอนเสิร์ตก็แทบจะชิดติดเวที

ในห้วงเวลานี้ Apple ก็ได้จัดเตรียมของว่างยามเช้าสุดพิเศษให้กับแขกที่มาในงานได้เลือกรับประทาน สิ่งที่เราได้เลือกมานั้นเป็นพายไส้ผงกะหรี่ไก่ ขนม และผลไม้ที่แบบสดมาก และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นขณะที่เราต่อแถวอันยาวเหยียดเพื่อรอเข้าห้องน้ำ นั่นคือ จู่ ๆ Tim Cook ซึ่งเป็น CEO คนปัจจุบันของ Apple ก็ออกจากลิฟต์บริเวณนั้นมา ตอนนั้นคืออึ้งไปประมาณ 3 วินาที พอตั้งสติได้ก็คิดอยู่อย่างเดียวว่าฉันจะต้องขอเขาถ่ายรูป ไม่เข้าห้องน้ำละ 555555 เหตุการณ์ค่อนข้างชุลมุนเพราะมีคนเข้าไปขอ Tim ถ่ายรูปหลายคน แต่เขาก็ต้องรีบเพื่อจะไปขึ้น Keynote ซึ่งเป็น Session แรกของงานในวันนี้ ในที่สุดฝันก็เป็นจริง นั่นคือ ได้ Selfie กับ Tim Cook อันนี้คือแบบคุ้มมาก คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไม่มีอะไรคุ้มกว่านี้อีกแล้วววว



Keynote

สำหรับกำหนดการในช่วงเช้า คือ ช่วง Keynote ซึ่งเราจะได้พบกับผู้บริหารระดับสูงของ Apple ในแต่ละด้านออกมานำเสนอซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เรียกได้ว่าเป็น Session ที่ทุกคนบนโลกต่างตั้งตาคอยว่า เฮ้ย! ปีนี้เขาจะมีอะไรมานำเสนอ จะตรงกับข่าวลือหรือไม่ วินาทีที่ Tim Cook เดินขึ้นมาบนเวที แม้ว่าเราจะได้เจอกับเขาแบบ Accidentally ก่อนแล้วแว๊บหนึ่ง แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงพลังที่เขาส่งมาถึงแขกทุกคน แขกในงานทุกคนลุกขึ้นปรบมือให้กับ Tim การได้เห็น Standing Ovation แบบสด ๆ ต่อหน้าต่อตามันทำให้เราสัมผัสถึงพลังบวกที่ทุกคนไม่ว่าจะมาจากแห่งหนไหนพร้อมใจกันส่งออกมาด้วยความเต็มใจ โอ้โห มันแบบอิ่มใจมาก ๆ

เสน่ห์ของการเข้าไปฟัง Keynote แบบสด ๆ คือ เราจะได้เห็น Reaction ของคนรอบข้างที่เราสามารถสัมผัสได้ บางคนนั่งมองด้วยสายตาที่เป็นประกาย บางคนอมยิ้มมุมปาก บางคนส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นอะไรล้ำ ๆ บางคนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินมุกตลก มันเป็นอะไรที่แบบไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตจริง ๆ



Lunch

หลังจากทุกคนอึ้ง กรรมการอึ้งกับอะไรล้ำ ๆ ที่ถูกเปิดออกมาตอน Keynote ก็ถึงเวลาพักหายใจหายคอแล้วล่ะ ในช่วงนี้ก็เป็นเวลารับประทานอาหารกลางวันซึ่งต้องบอกว่า Apple นี่เลี้ยงดีจริง ๆ 555555 มีอาหารให้เลือกสรรได้แบบนานาชาติ เราก็จัดอาหารอินเดียอย่าง Chicken Tikka Masala ไป อร่อยจริง ข้าว basmati หอมนุ่มเว่อ ในช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนใจ ทุกคนก็จะมีเวลาไปเดินทัวร์ยังจุดต่าง ๆ ภายใน Apple Park บ้างก็ไปถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ บ้างก็ไปตามล่าหาบุคลากรใน Apple ที่เป็นไอดอลของตัวเอง ตอนนี้เองเราก็ได้ไปอยู่ที่จุดกึ่งกลางของตัววงแหวน คราวนี้เราได้เห็นความอลังการมากขึ้นไปอีก เพราะจะได้เห็นตัววงแหวนแบบ 360 องศา ที่เต็มไปด้วยพื้นที่อันเขียวขจี พร้อมทั้งประติมากรรม The Rainbow



State of the Union and Apple Tour

ในช่วงบ่าย ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่จุดเดิมอีกครั้งเพื่อเข้าร่วม Session Platforms State of the Union ซึ่งจะนำตัวเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เปิดตัวไปในช่วง Keynote มาอธิบายในเชิงเทคนิคเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

จากนั้น จะเข้าสู่ช่วง Apple Tour ซึ่งถือเป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดให้กับแขกที่เข้าร่วมงานทุกท่าน โดยจะต้องลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าร่วมงาน Apple Tour จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Inner Ring และ Inner Meadow Tour โดยเราได้เลือกทัวร์แบบ Inner Ring เพราะจะได้ขึ้นไปเดินบนวงแหวนซึ่งเป็น Office จริงของ Apple!! ในขณะที่ Inner Meadow Tour จะเป็นการชมสวนผลไม้และสระน้ำบริเวณใจกลางวงแหวนที่เราได้ไปเดินมาแล้วตอนกลางวัน (เพียงแต่เขากั้น Zone ไว้ เข้าไปไม่ได้)

การที่ได้ขึ้นไปบริเวณ Inner Ring ของวงแหวนทำให้เราได้เห็นภาพใจกลางวงแหวนชัดเจนมากยิ่งขึ้น และประติมากรรม The Rainbow สีรุ้งซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ของ Apple ในยุคบุกเบิกก็เป็นสิ่งที่โดดเด่นขึ้นมาทันที เราคิดว่าเขาคงอยากจะแสดงเป็นสัญลักษณ์ว่าสุดท้ายแล้วจุดกำเนิดที่ทำให้ Apple มาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะ Apple ที่เคยเป็นสีรุ้งนี่แหละ (อาจจะผิด 555)

นอกจากนี้ Inner Ring Tour ยังพาเราไปส่วนของชั้นใต้ดินของวงแหวนอันเป็นที่ตั้งของ Museum และ Gallery ซึ่งจะเล่าเรื่องราวว่ากว่าจะมาเป็น Apple Park นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง คุ้มจริง ๆ



Apple Design Awards

เมื่อ Tours เสร็จสิ้นแล้วก็จะเข้าสู่ Session สุดท้าย นั่นคือ งานประกาศผลรางวัลและเฉลิมฉลองให้กับ Application ที่ดีที่สุดในสาขาต่าง ๆ 6 สาขา จากทั่วทุกมุมโลก ใครจะไปคิดว่าเราจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานประกาศรางวัลระดับโลกแบบนี้ อารมณ์เหมือนนั่งเป็นแขกในงาน Oscars 555 บรรยากาศในงานเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน มีการเชื้อเชิญ DJ มาเปิดเพลงสากลมันส์ ๆ ทุกคน Enjoy ไปกับงาน โยกกันไปตาม ๆ กัน

ในช่วงที่มีการประกาศชื่อผู้เข้าชิง เราได้เห็นผลงานและนวัตกรรมของ Devloper ทีมต่าง ๆ ที่ล้ำและเลอค่ามาก เห็นถึงความตั้งใจและความทุ่มเทอย่างเต็มที่ของทุกทีม และพลอยยินดีไปกับทีมที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย สมมงสุด ๆ แล้ว ตอนกลับมาถึงไทยได้มีโอกาสไปคุยกับบริษัทที่เขาทำ Product แนว Immersive Technology เขาก็บอกว่าความฝันอันสูงสุดของทีมเขา คือ การได้ไปที่ Apple Park เพื่อเข้าร่วมงานนี้ คือขอแค่ได้รับการ Nominated ก็ภาคภูมิใจแล้ว เรียกได้ว่าเป็นรางวัลที่สร้างแรงบันดาลใจและสร้างพลังให้กับใครหลายคนจริง ๆ



Special Event

Apple นี่ก็มีอะไรให้ลุ้นอยู่ตลอดดดด มาถึงห้วงสุดท้ายของงานที่เรียกว่าเป็น Secret Session ไม่มีการเปิดเผยมาก่อนว่าจะให้ทำอะไร แค่บอกว่าจะมีอาหารและขนมเลี้ยง (เลี้ยงคุ้มเกินไปมาก) ทุกคนก็ต่างพากันไปต่อแถวเพื่อจะเดินทางไปยัง Final Destination ของงานครั้งนี้ ทุกคนเดินไปก็เดาไปว่าเขาจะพาเราไปไหน ไปเจอกับอะไร และในไม่ช้าคำตอบนั้นก็มาถึง คำตอบที่ว่าอยู่ที่สถาปัตยกรรมวงแหวนบนเนินขนาดพอประมาณที่เรียกว่า Steve Jobs Theatre มันเป็นอาคารท่ามกลางทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก ทุกคนถูกพาเดินวนลงไปยังชั้นใต้ดิน และพบกับแว่น VisionPro ของจริงที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเช้าตั้งวางอยู่ โอ้โห!! ทุกคนแบบเซอร์ไพรส์ ตาลุกวาว ต่างคนต่างหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปกันยกใหญ่ ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะได้มาเห็นนวัตกรรมล้ำค่าสิ่งนี้เป็นกลุ่มแรก ๆ ของโลก



The End

เมื่อสุริยนย่ำสนธยา แสงอาทิตย์จากท้องนภาก็ริบหรี่เรไร หลังจากที่ออกมาจาก Steve Jobs Theatre ก็จะพบกับวงแหวนแห่งห้วงนิรันดร์ที่อยู่ไกล ๆ แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงมากระทบกับต้นหญ้าสะท้อนสีเหลืองทอง กลายเป็นฉากจบบริบูรณ์ของงาน WWDC2023 ที่ Apple Park ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

การที่ได้มาเข้าร่วมงาน WWDC2023 นอกจากจะทำให้เราได้เห็นเทคโนโลยีที่ล้ำค่า ทันสมัย ได้พบปะกับผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน ยังทำให้เราได้เรียนรู้คติ แนวคิด และวัฒนธรรมที่บริษัทระดับโลกอย่าง Apple นั้นมี และพร้อมที่จะถ่ายทอดให้กับทุกคนที่ไปยืนอยู่ ณ ตรงนั้นด้วยพลังอันเต็มเปี่ยม จริง ๆ ยังมีเหตุการณ์สนุกสนานทั้งก่อนและหลังงานนี้อีกมากมายที่ยังไม่ได้เล่า ไว้มีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังน้า สุดท้ายนี้ หวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสไปรับพลังเหล่านั้นกันนะครับ

ภูริภัทร กิจการเจริญสิน